ใบโหระพาสีม่วง - ประโยชน์และโทษ

ใบโหระพาสีม่วงหรือสีแดงกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น พันธุ์ที่มีสีเข้มมีความเหมือนกันมากกับตัวแทนสีเขียวของครอบครัว โดยมีคุณสมบัติหลายประการในแง่ของลักษณะภายนอก คุณภาพกลิ่นหอม ลักษณะรสชาติ และยังทำให้ประหลาดใจกับพันธุ์มากมายและเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของเรา

จากบทความคุณจะได้เรียนรู้ว่าโหระพาแตกต่างจากรีแกนอย่างไร มีสีม่วงอะไรบ้าง และมีประโยชน์และเป็นอันตรายต่อสุขภาพของพืชอย่างไร

โหระพาอีกชื่อหนึ่ง

เครื่องเทศยอดนิยมที่จำหน่ายไปทั่วโลกเรียกว่าแตกต่างกัน:

• ocimum – ชื่อทางการในภาษาละติน
• หญ้าหลวง - ชื่อนี้พบในวรรณกรรม - เป็นคำแปลโดยตรงของคำว่าบาซิเลียส ("ราชา", "ราชา");
• ชื่อยอดนิยมสะท้อนให้เห็นถึงกลิ่นอันอุดมสมบูรณ์โดยธรรมชาติ: ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีกลิ่นหอม, กลิ่นเหม็น, dushki;
• ชื่อกรีกโบราณสำหรับสมุนไพรคือ okimon;
• ชื่อตะวันออกที่ฟังดูคล้ายกัน: reyhan, rean, regan, raikhon - ทั้งหมดนี้คือโหระพา

แต่ละชื่อหมายถึงพืชทั้งหมดในสกุล โดยไม่คำนึงถึงสี ชนิด หรือ พันธุ์. ที่พบมากที่สุดคือโหระพาและรีแกน

ใบโหระพาสีม่วงหรือสีแดง: คำอธิบายสายพันธุ์

Regan เช่นเดียวกับมิ้นต์เป็นของตระกูลกะเพรา ลักษณะทั่วไปของสายพันธุ์ที่มีใบและลำต้นสีเข้มคือรสพริกไทยและมีกลิ่นหอมที่คมชัดกว่าเนื่องจากมีน้ำมันหอมระเหยในปริมาณสูง

ใบโหระพาสีม่วงแดงไม่เพียงแต่ใช้เป็นอาหารหรือยารักษาโรคเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นไม้ประดับตกแต่งบริเวณสวนสาธารณะและแปลงสวนอีกด้วย

ขึ้นอยู่กับความหลากหลาย:

• ต้นไม้และไม้ยืนต้น ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดหรือต้นกล้า
• ความสูงของพุ่มไม้ตั้งแต่ 15 ถึง 70 ซม.
• ความแตกต่างที่มีกลิ่นหอมและรสชาติที่หลากหลาย - พริกไทย, กานพลู, ใบกระวาน, ขิง, สะระแหน่และแม้แต่วานิลลา
• สีของลำต้นและใบแตกต่างกันไปตั้งแต่สีแดงเขียวไปจนถึงม่วงดำรวมถึงม่วงไลแล็ค ม่วง น้ำตาล และสีผสมกัน
• ดอกไม้ - จากสีชมพูอ่อนถึงสีม่วง
• ใบมีรูปร่างเป็นรูปไข่มีขอบฟันละเอียดหรือหยาบยาวตั้งแต่ 1 ถึง 6 ซม.
• ลำต้นมีขนหรือเรียบ กลายเป็นไม้ในต้นโตเต็มวัย

กิ่งก้านของใบโหระพาศักดิ์สิทธิ์ (tulsi) ใช้ในพิธีกรรมในศาสนาฮินดู โดยทำจากลูกปัดและลูกประคำ

ประโยชน์ต่อสุขภาพและโทษของโหระพาม่วง

รูตินและแคโรทีนที่อุดมไปด้วยมีอยู่ในรีแกนทุกประเภท แต่ความเข้มข้นของน้ำมันหอมระเหยซาโปนินและยูเกนอลในพันธุ์สีม่วงนั้นสูงกว่าพันธุ์สีเขียว 1.5-2 เท่า พืชชนิดนี้ใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์พื้นบ้านและทางราชการ เครื่องสำอาง และอาหาร

ความสนใจ! ใบโหระพา พร้อมด้วยลอเรล บอระเพ็ด และโรสแมรี่ ทำหน้าที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตการบูร ซึ่งใช้ในการแพทย์และอโรมาเธอราพี

คุณสมบัติที่มีประโยชน์และการรักษา

การรวม reyhan ไว้ในอาหารเป็นประจำมีส่วนช่วยให้:

• เร่งกระบวนการเผาผลาญและเผาผลาญไขมัน
• เสริมสร้างหลอดเลือด
• สร้างการเคลื่อนไหวของลำไส้กำจัดก๊าซที่สะสม
• การกำจัดกรดยูริก, การทำลายนิ่วในไต, ลดความเจ็บปวด;
• รักษาและฟื้นฟูภูมิคุ้มกัน

การแช่โหระพา:

• ช่วยในเรื่องโรคของระบบทางเดินอาหารมีฤทธิ์ต้านอาการกระสับกระส่ายต้านการอักเสบและขับลม
• บรรเทาหรือลดอาการปวดในอาการจุกเสียดของไตและลำไส้
• เพิ่มความดันโลหิต

ยาต้มใช้สำหรับ:

• การรักษาบาดแผลภายในและภายนอก
• การป้องกันโรคฟันผุและโรคเหงือก
• เสริมสร้างรากผมและปรับปรุงโครงสร้าง

การสูดดมน้ำมันหอมระเหยจากพืช:

• กระตุ้นการทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือด
• มีผลสงบเงียบต่อระบบประสาท
• ป้องกันโรคทางเดินหายใจ
• บรรเทาอาการหอบหืด

น้ำคั้นสดจากพืชช่วยบรรเทาอาการอักเสบของหูชั้นกลางและใช้ในการรักษาบาดแผลที่รักษายาก

ด้วยแนวทางบูรณาการและโภชนาการที่เหมาะสม ใบโหระพาช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ปริมาณธาตุเหล็กสูงเมื่อใช้ร่วมกับน้ำมันหอมระเหยช่วยบรรเทาอาการปวดศีรษะและกระตุ้นความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด เบต้าแคโรทีนในหญ้าช่วยเพิ่มการมองเห็น เล็บ ผม และผิวหนัง

สำคัญ! เวลาที่ดีที่สุดในการเก็บโหระพาเพื่อให้ได้น้ำมันหอมระเหยคือฤดูใบไม้ผลิและการสะสมกรดแอสคอร์บิกสูงสุดจะเกิดขึ้นพร้อมกับลักษณะของก้านดอก

อันตรายและข้อห้าม

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์มากที่สุดในทางที่ผิดยังนำไปสู่ผลตรงกันข้าม ดังนั้นการรับประทาน reyhan ในปริมาณที่มากเกินไปจะทำให้เยื่อบุลำไส้ระคายเคืองและน้ำมันหอมระเหยอาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้

การใช้การเตรียมโหระพามีข้อห้ามสำหรับ:

• โรคหัวใจ - ขาดเลือด, กล้ามเนื้อหัวใจตาย, โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ;
• ความดันโลหิตสูง;
• thrombophlebitis และการเกิดลิ่มเลือด;
• โรคเบาหวาน;
• โรคลมบ้าหมู

สมุนไพรดิบสามารถบริโภคได้ในปริมาณน้อย ขึ้นอยู่กับความเป็นอยู่ที่ดีของคุณ

พันธุ์โหระพาสีม่วง

มีรีแกนทั้งหมด 69 สายพันธุ์ประมาณหนึ่งในสามเป็นพันธุ์สีม่วงและสีแดง

เนื่องจากผลผลิต รสชาติ และกลิ่นหอมสูง จึงปลูกได้บ่อยกว่าพันธุ์อื่น:

1. ทูลาซี (Ocimum sanctum - "กะเพรา") - ใบสีเขียวแกมม่วงมีฟันเบาบางมีรูปร่างรูปไข่บนก้านใบสั้นก้านและใบมีขนปกคลุม กลิ่นกานพลูที่สดใสมีชัยเหนือรสที่ค้างอยู่ในคอมีรสขมเล็กน้อย แพร่หลายในอินเดีย โดยใช้ในพิธีกรรม ใช้ในยาอายุรเวท และเพิ่มในอาหารรสเผ็ด
2. เยเรวาน – พันธุ์สุกเร็วยาวได้ถึง 60 ซม. บานเป็นสีชมพูและม่วง เพิ่มลงในอาหารและใช้ในการตกแต่งเตียงดอกไม้ ให้ผลผลิต 2-3 ครั้งต่อฤดูกาล โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมของออลสไปซ์และชา
3. โกเมนสีดำ – เติบโตในอียิปต์ พุ่มไม้เขียวชอุ่มขนาดกะทัดรัดพร้อมกลิ่นหอมเผ็ดร้อนให้ผลผลิต 2-3 ครั้งต่อฤดูกาลโดยเหลือใบคู่ล่างไว้เมื่อตัด
4. สีม่วง - หมายถึงพันธุ์กลางฤดู เติบโตได้สูงถึง 70 ซม. ใบมีก้านใบสั้น รูปไข่ มีฟันกระจัดกระจาย ลำต้นและใบมีขนปกคลุม พริกไทยมีอิทธิพลเหนือกว่า
5. สีม่วง – สุกเร็ว สูงถึง 30-40 ซม. แผ่ออกด้วยใบเล็ก ๆ สีม่วงสีเขียวหรือสีม่วง ความหลากหลายมีกลิ่นกานพลู
6. กลิ่นวานิลลา - พืชสูงที่มีใบอวบน้ำที่เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีม่วงเมื่อโตขึ้น เนื่องจากมีรสชาติเฉพาะจึงใช้ในการผลิตวานิลลิน
7. อะรามิสและทับทิมแดง – อีกสองสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการผลิตขนมและเครื่องดื่มแต่งกลิ่นเนื่องจากมีกลิ่นคาราเมลผลไม้เด่นชัด กลางฤดู สูงได้ถึง 40 ซม.
8. ออสมิน - พุ่มขนาดกะทัดรัดใบดีสูงได้ถึง 30-40 ซม. มีใบสีม่วงฟันเล็ก ๆ มีกลิ่นเผ็ดและรสอ่อน พันธุ์ในประเทศอินเดีย
9. โอปอลสีเข้ม (ใบโหระพาสีน้ำเงินแอฟริกัน) เป็นลูกผสมที่ไม่มีดอกซึ่งเพาะพันธุ์ในปี 1950 ในสหรัฐอเมริกา พืชมีสีม่วงแดงพร้อมดอกสีแดงเข้ม รสชาติโดดเด่นด้วยพริกไทยและกานพลู

มีการใช้ส่วนผสมของใบโรสแมรี่บดและพันธุ์รีแกนพริกไทยสีเข้มแทนพริกไทย

ความหลากหลายของกลิ่น รสชาติ รูปร่างและขนาดของพืช รวมถึงความเร็วในการสุกช่วยให้คุณ:

• เก็บเกี่ยวผลผลิตจากพันธุ์ต่าง ๆ ตลอดฤดูกาล
• เตรียมใช้ในอนาคตในรูปแบบแห้งและแช่แข็ง
• เติบโต เป็นไม้ประดับในสวนหรือในอพาร์ตเมนต์

สิ่งนี้น่าสนใจ:

ชาโหระพามีประโยชน์อย่างไร และสูตรชงที่อร่อยที่สุดมีอะไรบ้าง?

ข้อดีของโหระพาพันธุ์ "คนแคระ" คืออะไร: บทวิจารณ์จากผู้ที่ปลูกมันข้อดีและข้อเสีย

วิธีเก็บโหระพาสดในตู้เย็นอย่างถูกวิธี

บทสรุป

เมื่อเจอชื่อโหระพาในตำราอาหารหรือตำรับยาแผนโบราณคุณไม่จำเป็นต้องเดาอีกต่อไปว่าพวกเขากำลังพูดถึงอะไร

เมื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติมเล็กน้อยเกี่ยวกับความหลากหลายของพันธุ์และความแตกต่างของสายพันธุ์ การเลือกพืชที่ตรงตามความต้องการด้านสุนทรียภาพและรสนิยมจะง่ายกว่า และผู้ชื่นชอบเครื่องเทศจะต้องประทับใจกับความเข้มข้นของรสชาติและกลิ่นหอมของพันธุ์สีม่วงอย่างแน่นอน